Irvine "King of Merlot "
Merlot ไวน์เมอร์โลเป็นที่รู้จักสำหรับคนไทยอย่างกว้างขวาง เนื่องด้วยเป็นไวน์ที่ดื่มง่าย มีกลิ่นอายของผลเบอร์รี่ (berry) และลูกพลัม (plum) ไปจนถึง ช็อคโกแลต ไม้โอ๊ค โครงสร้างบอดี้ปานกลาง ไม่ฝาดนัก เนื่องจากมีแทนนินไม่สูงมาก ปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ในระดับพอดี จึงไม่แปลกที่จะเป็นที่นิยมสำหรับคอไวน์ทั่วไปหรือแม้แต่มือใหม่หัดดื่ม
เมอร์โลเป็นลูกผสมระหว่าง Cabernet Franc (คาเบอร์เนต์ ฟรองซ์) และ องุ่นพันธุ์หายากอย่าง Magdeleine Noire des Charentes (มาเดเลน นอร์ ดิ ชารองต์) นั่นทำให้ เมอร์โลเป็นพี่น้องของ Cabernet Sauvignon และยังเป็นเครือญาติกับ Carménère (คาเมเนเร่) องุ่นท้องถิ่นของประเทศชิลี และ Malbec (มาลเบค) ของประเทศอาร์เจนตินาอีกด้วย
เหตุผลหนึ่งที่ผู้คนชื่นชอบเมอร์โล คือความยอดเยี่ยมอันเนื่องมาจากรูปแบบและราคาที่หลากหลายในตลาด โดยทั่วไปเมอร์โลจะมีโครงสร้างบางและมีรสผลไม้ ดื่มง่ายเข้ากันได้ดีกับเนื้อขาวและดำจากไก่ ไก่งวง และ หมู รวมถึงพาสต้า เบอร์เกอร์ และพิซซ่า
ส่วนเมอร์โลที่มีโครงสร้างแน่นขึ้นมา หรือ มีเดียม ทู ฟูล- บอดี (Medium to full-bodied) เช่น เมอร์โลของออสเตรเลีย มักจะมีแอลกอฮอล์สูงกว่า สามารถจับคู่กับอาหารที่มีรสชาติเข้มข้นกว่า เช่น เนื้อวัวและเนื้อแกะ เนื้อสัตว์ประเภทเกม Game Meat เช่น เนื้อกวางและวัวป่า เนื้อกระต่าย หรือ อาหารสไตล์คลาสสิกที่มีรสชาติเผ็ดร้อน ส่วนไวน์เมอร์โลจากฝั่งบอร์โดซ์เข้ากันได้ดีกับเนื้อย่าง เป็ด และเห็ด สิ่งสำคัญคือต้องจับคู่น้ำหนักและความเข้มข้นของไวน์กับความเข้มข้นของน้ำหนักและรสชาติของอาหาร
ถึงแม้ว่าเมอร์โลเป็นองุ่นที่ปลูกมากที่สุดในแคว้นบอร์โดซ์ ประเทศฝรั่งเศส แต่ฝรั่งเศสก็มิได้เป็นประเทศเดียวที่ปลูกและผลิตไวน์เมอร์โลในปัจจุบัน ประเทศผู้ผลิตไวน์จำนวนไม่น้อย สามารถปลูกสายพันธุ์นี้ได้เป็นอย่างดี และหนึ่งในนั้นก็คือประเทศออสเตรเลีย
Barossa และ Eden Valley ตั้งอยู่บริเวณทางตอนใต้ของออสเตรเลีย สภาพอากาศและดินของเขตนี้เอื้อต่อการปลูกองุ่นอย่าง Merlot และ Shiraz ได้เป็นอย่างดี และไวน์เมอร์โลออสเตรเลียก็มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกนับตั้งแต่ยุคของ James Irvine!
ในปี 1997 แกรนด์ เมอร์โล1992 ของเจมส์
ได้กลายเป็นรายแรกที่คว้ารางวัล 1st Worlds Best Merlot ที่งาน Swiss World Merlot Tasting ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก
เป็นที่น่าประหลาดใจแก่คอไวน์ทั่วโลก ที่เมอร์โลสัญชาติ ออสเตรเลีย อย่าง Irvine สามารถเอาชนะไวน์ดังจากฝรั่งเศสอย่าง Chateau Petrus ที่ขึ้นชื่อในเรื่องชื่อเสียงและราคาที่สูงลิบลิ่ว ด้วยเหตุนี้ทำให้ราคาไวน์ของเจมส์มีราคาขายในออสเตรเลียอยู่ที่1000$-2000$ ต่อขวด ขึ้นอยู่ที่ปีผลิต ไม่เพียงแต่ในสนามเมอร์โลเพียงเท่านั้น ที่เออร์ไวน์ถือเป็นผู้เข้าแข่งขันที่น่าจับตามอง การประกวดเมอร์โล ที่บอร์โดซ์ ประเทศฝรั่งเศสที่เป็นดินแดนแห่งเมอร์โลในงาน Frances Finest แกรนด์เมอร์โลของเจมส์ก็คว้ารางวัลมาได้มากมายสมกับฉายราชาแห่งเมอร์โล
ว่ากันว่าเมื่อคนรักไวน์นึกถึงไวน์ของออสเตรเลีย พวกเขามักจะนึกถึง Shiraz แต่เมื่อคนรักไวน์นึกถึง Merlot ที่หรูหราระดับโลก พวกเขานึกถึง Irvine!
จากผู้ผลิตไวน์กว่า 2,500 รายในออสเตรเลีย Irvine ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกไม่เพียงแค่ในฐานะผู้ผลิตไวน์ระดับแนวหน้าของออสเตรเลียในด้านการปลูกและการผลิตไวน์เมอร์โลระดับพรีเมียม แต่ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางของเมอร์โลหนึ่งเดียวในออสเตรเลีย
James Halliday นักเขียนไวน์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของออสเตรเลีย ให้คะแนนโรงบ่มไวน์ของเออร์ไวน์เป็นระดับห้าดาว โดยที่ไวน์ทุกรายการถูกระบุว่า โดดเด่น (Outstanding) หรือ แนะนำอย่างยิ่ง (Highly Recommended!)
การอุทิศอย่างเต็มที่ให้กับการรังสรรค์ผลงานและความใส่ใจในการจะบ่มไวน์ของเออร์ไวน์เอง ร่วมกับวิธีการที่จริงจังและมุ่งมั่น ส่งผลให้ไวน์มีรูปแบบที่ไม่ธรรมดา รสชาติเข้มข้น และความพิเศษของพันธุ์ไม้ที่หายากยิ่งในออสเตรเลีย แนวทางของเออร์ไวน์ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืนดังที่เรากล่าวไว้ ประสบการณ์การผลิตไวน์ของเจมส์เริ่มต้นขึ้นในปี 2494 และส่งต่อมานับสี่รุ่น
PHUKET TOP WINE มีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสนำเสนอ ไวน์คุณภาพดีระดับโลก ในราคาที่เหมาะสมแก่ ผู้รักไวน์ทุกท่านในประเทศไทย นอกจากMerlo และ Grand Merlot แล้ว เรายังคัดสรรค์ ไวน์สายพันธุ์ต่างๆมาเป็นทางเลือกแก่คอไวน์ออสเตรเลีย ไม่ว่าจะเป็น Zinfandel , Cabernet Franc Merlot, Cabernet Sauvignon และ Shiraz ที่ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : admin@phukettopwine.come หรือโทร 076- 608876
Icon Series
The Estate
นของรุ่นก่อนหน้า การันดีด้วยรา
Comments